วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และการ์รีคก้า (GARRICCA)


การ์รีคก้า (GARRICCA)  ป้องกันโรคมะเร็งได้ อย่างไร


        มะเร็ง เป็นกลุ่มของโรคที่เกิดเนื่องจากเซลล์ของร่างกายมีความผิดปกติของ DNA หรือสารพันธุกรรม ส่งผลให้เซลล์มีการเจริญเติบโต มีการแบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ รวดเร็ว และมากกว่าปกติ อาจทำให้เกิดก้อนเนื้อผิดปกติ และในที่สุดก็จะ ทำให้เกิดการตายของเซลล์ในก้อนเนื้อนั้น  เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยง ถ้าเซลล์พวกนี้เกิดอยู่ในอวัยวะใดก็จะ เรียกชื่อ มะเร็ง ตามชื่อของอวัยวะนั้น เช่น มะเร็งปอด มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็ง เม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น


       มะเร็งที่พบในร่างกายมนุษย์มีมากกว่า 100 ชนิด มะเร็งแต่ละชนิดจะมีการ ดำเนินของโรคไม่เหมือนกัน เช่น มะเร็งปอด มะเร็งสมอง จะมีการดำเนินชนิดของโรคที่รุนแรง ผู้ป่วยจะมีชีวิตการอยู่รอดสั้นกว่าผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
     การรักษามะเร็งแต่ละชนิดจะไม่เหมือนกัน มีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่เป็นมะเร็ง ระยะของมะเร็ง สภาพร่างกาย และความเหมาะสม ของผู้ป่วยมะเร็ง การรักษาจะยากหรือง่ายนั้นก็ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็งและ การดำเนินโรคของมะเร็งด้วย เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งผิวหนัง รักษาง่ายกว่า มะเร็งปอด มะเร็งสมอง


         อาการของการเกิดโรคมะเร็ง
     1. ไม่มีอาการใดเลยในช่วงแรกขณะที่ร่างกายมีเซลล์มะเร็งเป็นจำนวนน้อย
     2. มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งตามสัญญาณอันตราย 8 ประการ ที่เป็นสัญญาณเตือน ว่าควรไปพบแพทย์ เพื่อการตรวจค้นหาโรคมะเร็ง หรือสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้มีสัญญาณ เหล่านี้ เพื่อการรักษาและแก้ไขทางการแพทย์ที่ถูกต้องก่อนที่จะกลายเป็นโรคมะเร็ง หรือเป็นมะเร็งระยะลุกลาม
     3. มีอาการป่วยของโรคทั่วไป เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ร่างกายทรุดโทรม ไม่สดชื่น และไม่แจ่มใส
     4. มีอาการที่บ่งบอกว่า มะเร็งอยู่ในระยะลุกลาม หรือเป็นมาก ขึ้นอยู่กับว่าเป็นมะเร็ง ชนิดใดและมีการกระจายของโรคอยู่ที่ส่วนใดของร่างกายที่สำคัญที่สุดของอาการในกลุ่ม นี้ ได้แก่ อาการเจ็บปวด ที่แสน ทุกข์ทรมาน


      สัญญาณอันตราย 8 ประการของโรคมะเร็ง

1. การเปลี่ยนแปลงของระบบขับถ่ายอุจจาระ และปัสสาวะ เช่น ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ หรือปัสสาวะเป็นเลือด
2. กลืนอาหารลำบาก หรือมีอาการเสียด แน่นท้องเป็นเวลานาน
3. มีอาการเสียงแหบ และไอเรื้อรัง
4. มีเลือดหรือตกขาวที่ผิดปกติ เช่น มีกลิ่นเหม็น
5. แผลซึ่งรักษาแล้วไม่ยอมหาย
6. มีการเปลี่ยนแปลงของหูดหรือไฝตามร่างกาย
7. มีก้อนที่เต้านมหรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
8. หูอื้อหรือมีเลือดกำเดาไหล
   

    ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการ เป็นโรคมะเร็ง มีดังนี้
1. ผู้ที่สูบบุหรี่ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของระบบหายใจ ได้แก่ ปอด และกล่องเสียง เป็นต้น
2. ผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ตับ ถ้าทั้งดื่มสุราและสูบบุหรี่จัด จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ช่องปากและในลำคอด้วย
3. ผู้ที่เป็นพาหะของเชื้อ ไวรัสตับอักเสบชนิดบี หรือผู้ที่ชอบรับประทานอาหารที่มี สารพิษ ชื่อ อัลฟาทอกซิล ที่พบจากเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารเช่น ถั่วลิสงป่น เป็นต้น หากรับประทานประจำจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ และหากได้รับทั้ง 2 อย่าง โอกาส จะเป็นมะเร็งตับมากขึ้น
4. ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง เต้านม ลำไส้ใหญ่ เยื่อบุมดลูก และต่อมลูกหมาก
5. ผู้ที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ และรับประทานอาหารที่ใส่ดิน ประสิวเป็นประจำ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในตับ
6. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอันเกิดจากความผิดปกติจากพันธุกรรมหรือติดเชื้อไวรัส เอดส์ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งปากมดลูก มะเร็งของหลอดเลือด เป็นต้น
7. ผู้ที่รับประทานอาหารเค็ม จัด อาหารที่มีส่วนผสมดินประสิวและส่วนไหม้เกรียม ของอาหารเป็นประจำจะเสี่ยง ต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะ อาหารและลำไส้ใหญ่
8. ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคมะเร็ง อาทิ มะเร็งของจอตา มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ชนิดที่ เป็นติ่งเนื้อ เป็นต้น

   ผลิตภัณฑ์ การ์รีคก้า (GARRICCA) ผลิตจากกระเทียมแท้ๆ สามารถป้องกันโรคมะเร็งได้ผลดี


วิธีรับประทาน ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้งหลังอาหาร
เลขที่ อ.ย. 13-1-02950-1-0035

สั่งสินค้าคลิกที่นี้

         ดูข้อมูลที่    http://buahealthcare.myreadyweb.com/

         ขนาดและราคา   1 ขวด 60 แคปซูล ราคา 320 บาท

                          บริการส่งฟรีทั่วประเทศไม่คิดค่าส่ง
         สั่งซื้อที่     คุณ สายบัว   บุญหมื่น
                    ID Line : bua300908

                    โทร. 088 415 3926

                    อีเมล์  sboonmuen@gmail.com

       ดูข้อมูลเพิมเติมที่     http://garriccasaibua.blogspot.com  

โรคหัวใจ และการ์รีคก้า (GARRICCA)

โรคหัวใจ ป้องกันได้ด้วยการ์รีคก้า (GARRICCA)


        โรคหัวใจ คือ อาการผิดปกติเบื้องต้นของร่างกาย ที่บ่งชี้ว่าอาจเป็น โรคหัวใจ พบบ่อยในคนทั่วไป ที่คิดว่าตัวเองมีสุขภาพดี ทั้งที่ความจริงอาจเป็นโรคหัวใจในระยะแรกเริ่ม


อาการที่บ่งบอกโรคหัวใจ
     1. เหนื่อยง่ายเวลาออกกําลังกาย ซึ่งหัวใจต้องทําหน้าที่ในการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายมากขึ้น ขณะที่เราออกกําลังกาย หัวใจจะทํางานหนักมากขึ้น ปกติเวลาที่เราออกกำลังกายไปถึงระดับหนึ่งจะรู้สึกเหนื่อย แต่ในรายของคนที่มีอาการเริ่มต้นของ โรคหัวใจ แม้ออกกำลังกายเพียงเล็กน้อย จะรู้สึกเหนื่อยผิดปกติอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้นหากออกกำลังกาย แล้วรู้สึกเหนื่อยง่ายผิดปกติ อาจเป็นข้อบ่งชี้ได้ว่า คุณอาจเป็น โรคหัวใจ
      2. แน่นหน้าอกหรือเจ็บหน้าอก มักพบบ่อยในคนที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และไขมันอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ อาการดังกล่าวจะมีลักษณะเฉพาะคือ รู้สึกเหมือนหายใจอึดอัด และแน่นบริเวณกลางหน้าอก เหมือนมีของหนักทับอยู่ หรือรัดไว้ให้ขยายตัวเวลาหายใจ โดยมากอาการนี้ จะแสดงออกเวลาที่หัวใจต้องทำงานหนัก เช่น ระหว่างการออกกำลังกาย หรือใช้แรงมากๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่า อาจเป็น โรคหัวใจ


      3. ภาวะหัวใจล้มเหลว เกิดจากการที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างของร่างกายได้อย่างเพียงพอ โดยผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเหนื่อย ทั้งที่ออกกำลังกายเพียงนิดหน่อย หรือเหนื่อยทั้งที่นั่งอยู่เฉยๆ ในกรณีที่เป็นมาก อาจทำให้ไม่สามารถนอนราบได้เหมือนปกติ เพราะจะรู้สึกเหนื่อยเวลาหายใจ และอึดอัดตรงหน้าอก นอกจากนั้น อาจมีอาการหอบจนต้องตื่นขึ้นมาหอบกลางดึกอีกด้วย อาการภาวะหัวใจล้มเหลวนี้ หากไม่รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้
      4. หัวใจเต้นผิดจังหวะและใจสั่น ปกติหัวใจของเราจะเต้นด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอประมาณ 60 -100 ครั้ง/นาที แต่คนที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจขยับไปถึง150 -250 ครั้ง/นาที ซึ่งอัตราการเต้นของหัวใจที่ไม่สม่ำเสมอนี้ จะทำให้เหนื่อยง่าย ใจสั่น หายใจไม่ทัน
      5. เป็นลมหมดสติ เป็นอาการที่เตือนว่าคุณอาจเป็น โรคหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ซึ่งมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นลมหมดสติสูง เนื่องจากจังหวะการเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ เพราะเซลล์ซึ่งทำหน้าที่ให้จังหวะไฟฟ้าในหัวใจเสื่อมสภาพ ส่งผลให้หัวใจเต้นช้าลง และส่งเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จนทำให้เป็นลมไปชั่วคราวได้ ทั้งนี้ การเป็นลมหมดสติ มักจะเกิดในท่ายืนมากกว่านั่ง ทำให้ขณะล้มลงศีรษะมีโอกาสฟาดพื้น และเกิดการกระทบกระเทือนต่อสมองได้มากกว่า ดังนั้น ใครที่เป็นลมบ่อยๆ ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็น โรคหัวใจ ได้
   6. หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ในกรณีนี้มักเกิดจากความผิดปกติของเซลล์หัวใจโดยตรง และมักเกิดกับคนปกติที่ไม่มีอาการของ โรคหัวใจ มาก่อนล่วงหน้า หากมีอาการหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือที่รวดเร็ว อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้



        ลักษณะสังเกตุว่าเป็นโรคหัวใจ
              1. ขาหรือเท้าบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อกดดูแล้วมีรอยบุ๋มตามนิ้วที่กดลงไป ซึ่งหากเกิดขึ้นกับใคร ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คโดยด่วน เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า เวลานี้คุณอาจอยู่ในภาวะหัวใจล้มเหลวโดยที่ไม่รู้ตัว
             2. ปลายมือ ปลายเท้า และริมฝีปากมีลักษณะเขียวคล้ำ อาการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ทางเดินของเลือดในหัวใจห้องขวากับห้องซ้ายมีการเชื่อมต่อที่ผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการผสมของเลือดแดงกับเลือดดํา และทําให้ปริมาณของออกซิเจนในเลือดมีปริมาณน้อยลง เรามีอัตราเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคหัวใจเท่านั้น ผู้ที่จะวินิจฉัยว่าเราเป็นโรคหัวใจ หรือไม่ คือ แพทย์ทางโรคหัวใจ หากพบความผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนดีที่สุด


   ผลิตภัณฑ์ การ์รีคก้า (GARRICCA) ผลิตจาก กระเทียม แท้ๆ สามารถป้องกันโรคหัวใจได้ผลดี


วิธีรับประทาน ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้งหลังอาหาร
เลขที่ อ.ย. 13-1-02950-1-0035

สั่งสินค้าคลิกที่นี้

         ดูข้อมูลที่     http://buahealthcare.myreadyweb.com/

         ขนาดและราคา   1 ขวด 60 แคปซูล ราคา 320 บาท

                          บริการส่งฟรีทั่วประเทศไม่คิดค่าส่ง
         สั่งซื้อที่     คุณ สายบัว  บุญหมื่น
                    ID Line : bua300908
 
                    โทร. 088 415 3926

                    อีเมล์  sboonmuen@gmail.com

       ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่     http://garriccasaibua.blogspot.com  

โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง กระเทียม และการ์รีคก้า (GARRICCA)

กระเทียมสมุนไพรมหัศจรรย์
     กระเทียม (garlic) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Allium sativum Linn. กระเทียมยังเป็นสมุนไพรแก้ไขบรรเทาปัญหาสุขภาพของชาวบ้านมาโดยตลอด หมอพื้นบ้านไทยใช้กระเทียมสดรักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน โรคบิด ป่วง แก้ไอ และกระจายโลหิต กระทั่งเป็นที่สรุปได้ว่า กระเทียมเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเด่น 2 ประการ คือ ใช้ทารักษาโรคผิวหนัง และรับประทานแก้โรคความดันโลหิตสูง


    สรรพคุณของกระเทียม 
     กระเทียมมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้หลายอย่าง มีดังนี้
   1.ฆ่าเชื้อรา คือ กลาก เกลื้อน และเชื้อราที่เกิดตามเล็บ หนังศีรษะและผม
   2.ฆ่าเชื้อยีสต์ชนิดที่ทำให้เกิดลิ้นขาวเป็นฝ้าในเด็กทารก และทำให้เกิดโรคมุตกิดระดูขาวที่มักจะเกิดในหญิงที่ตั้งครรภ์ หรือกินยาคุมกำเนิด ยาปฏิชีวนะหรือยาสเตียรอยด์เป็นเวลานานๆ
   3.ลดความดันโลหิตสูง
   4.ลดไขมันและคอเลสเตอรอล
   5.ป้องกันผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว
   6.ลดน้ำตาลในเลือด
   7.ฆ่าหรือยับยั้งเชื้อแบคทีเรียแทบทุกชนิด กล่าวคือ มีสารอัลลิซิน ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่มักทำให้เกิดโรคได้ถึง 15 ชนิด โดยเฉพาะยับยั้งเชื้อพวกที่ดื้อยาเพนนิซิลินได้ดีกว่าเชื้อพวกที่ไม่ดื้อยา และยังฆ่าเชื้อบิดมีตัวที่มีพิษต่อลำไส้ได้ดี โดยมีสารที่สำคัญคือกาลิซิน รวมทั้งสามารถยับยั้งเชื้อบิดเทียม ซึ่งไม่รบกวนแบคทีเรียตัวอื่นที่มีประโยชน์ต่อลำไส้
    8.ยับยั้งเชื้อต่างๆ เช่น เชื้อที่ทำให้เกิดฝีหนอง และใช้รักษาแผลสด แผลที่เป็นหนอง คออักเสบ ทอนซิลอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ เชื้อวัณโรค และเชื้อปอดบวม
    9.รักษาไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่


  10.ยาขับเสมหะและมีฤทธิ์ขับเหงื่อและขับปัสสาวะ
  11.รักษาโรคไอกรน
  12.แก้หืดและโรคหลอดลม
  13.แก้ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย
  14.ควบคุมโรคกระเพาะ คือมีสารเอเอส 1 ช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำย่อยอาหารมาย่อยแผลในกระเพาะ และยังช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบชนิดรุนแรงได้ด้วย
  15.ขับพยาธิต่างๆ ได้หลายชนิด ได้แก่ พยาธิเข็มหมุด พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้าย และมีรายงานทดสอบจากอินเดียว่า กระเทียมมีสารไดอัลลิลไดซัลไฟด์ มีฤทธิ์ใช้ฆ่าพยาธิไส้เดือนได้ดี
  16.แก้เคล็ดขัดยอกและเท้าแพลง เพราะมีสารอัลลิซินเป็นตัวช่วยทำให้เลือดไหลเวียนมายังบริเวณที่ทาถูนวดยาได้ดีมากขึ้น
  17.แก้ปวดข้อและปวดเมื่อย
  18.ต่อต้านเนื้องอก
  19.กำจัดพิษตะกั่ว
  20.บำรุงร่างกาย

        สคอร์ดินิน เป็นสารสำคัญในกระเทียมที่ค้นพบประเทศญี่ปุ่น  ซึ่ง สคอร์ดินิน เป็นสารที่ไม่มีกลิ่น แต่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง ช่วยให้เนื้อเยื่อเจริญเติบโตและช่วยลดไขมันในร่างกาย และยังมีผู้พบว่าในกระเทียมมีธาตุเจอร์เมเนียมค่อนข้างสูง ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันการเกิดมะเร็ง โรคหืด โรคไต โรคตับอ่อนและอาการท้องผูก รวมถึงมีสารชักนำวิตามินบี 1 เข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้นเท่าตัว โดยรวมเป็นสารอัลลิลไทอะมิน ทำให้วิตามินบี 1 ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นถึง 20 เท่า

 กระทียม มีอยู่ในการ์รีคก้า (GARRICCA)  400 mg.


วิธีรับประทาน ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้งหลังอาหาร
เลขที่ อ.ย. 13-1-02950-1-0035

สั่งสินค้าคลิกที่นี้

         ดูข้อมูลที่      http://buahealthcare.myreadyweb.com/

         ขนาดและราคา   1 ขวด 60 แคปซูล ราคา 320 บาท

                          บริการส่งฟรีทั่วประเทศไม่คิดค่าส่ง
         สั่งซื้อที่     คุณ สายบัว  บุญหมื่น
                    ID Line : bua300908

                    โทร. 088 415 3926

                    อีเมล์  sboonmuen@gmail.com

     ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่    http://garriccasaibua.blogspot.com  

โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และการ์รีคก้า (GARRICCA)

การ์รีคก้า (GARRICCA) ป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้อย่างไร
        ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคอัมพาต โรคหัวใจเป็นโรคที่มีอัตราตายสูง ดังนั้น การป้องกันความดันโลหิตสูงสามารถป้องกันอัตราการตายจากโรคหัวใจ และโรคอัมพาต ความดันโลหิตสูงเป็นภัยเงียบที่คุกคามชีวิตของทุกท่าน เนื่องจากไม่มีอาการเตือน การจะทราบว่าเป็นความดันโลหิตสูงจำเป็นต้องวัดความดันโลหิต
    ความดันโลหิตในร่างกายของเราจะคอยผลักดันเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย อัตราปกติหัวใจของคนเราจะเต้นอยู่ประมาณ 60-80 ครั้ง ความดันก็จะเพิ่มขณะที่หัวใจบีบตัวและลดลงขณะที่หัวใจคลายตัว โดยปกติคนจะมีระดับความดันโลหิต 120/80 ถึง 139/89 มิลลิเมตรปรอท แต่ องค์การอนามัยโลกได้กำหนดไว้ว่า หากใครมีความดันโลหิตสูง 140/90 มิลลิเมตรปรอท ถือว่าเป็น โรคความดันโลหิตสูง
       ปัจจุบัน ความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่พบได้บ่อย แต่คนกว่า 70% มักไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ ทำให้ไม่ได้รับการรักษาหรือการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเหมาะสม แต่เมื่อเริ่มมีอาการแล้วจึงเริ่มใส่ใจรักษา ซึ่งบางครั้งก็อาจไม่ทันท่วงที

         การที่มีภาวะความดันโลหิตสูง จะทำให้ความดันโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่สม่ำเสมอ ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น หลอดเลือดในสมองตีบ โรคหัวใจและกล้ามเนื้อหัวใจ ไตวาย เส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง อัมพาต อัมพฤกษ์ เป็นต้น อาจทำให้เสียชีวิตโดยเฉียบพลันได้
         ความรุนแรงของ โรคความดันโลหิตสูง แบ่งเป็น 3 ระยะคือ
     ระดับที่ 1 ความดันโลหิตสูงระยะเริ่มแรก ค่าความดันโลหิต ระหว่าง 140-159/90-99 มม.ปรอท
     ระดับที่ 2 ความดันโลหิตสูงระยะปานกลาง ค่าความดันโลหิต ระหว่าง 160-179/100-109 มม.ปรอท
     ระดับที่ 3 ความดันโลหิตสูงระยะรุนแรง ค่าความดันโลหิต มากกว่า 180/110 มม.ปรอท

     สาเหคุของความดันโลหิตสูง
     โรคความดันโลหิตสูง ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคแน่ชัด ส่วนใหญ่จะพบ โรคความดันโลหิตสูง ในกลุ่มคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีอาการป่วยบางประเภท เช่น อาการป่วยเกี่ยวกับสมอง ต่อมหมวกไต และต่อมไร้ท่อบางประเภท รวมทั้งโรคเรื้อรังอื่น ๆ ที่ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เช่น โรคโลหิตจางอย่างรุนแรง และเบาหวาน เป็นต้น

   ปัจจัยเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูง
           1.พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม พบว่า คนประมาณ 30-40% ที่บิดามารดาเป็นโรคความดันโลหิตสูง จะมีแนวโน้มเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้มากกว่า คนที่ไม่มีประวัติในครอบครัว
           2.ความเครียด หากคนมีความเครียดสูง อาจทำให้ความดันโลหิตสูงไปด้วย
           3.อายุ โดยปกติเมื่ออายุมากขึ้น ความดันโลหิตจะสูงขึ้นตามไปด้วย แต่สำหรับโรคความดันโลหิตสูง มักพบในผู้ที่อายุ 40-50 ปีขึ้นไป แต่ในอายุต่ำกว่านี้ก็สามารถพบได้เช่นกัน
           4.เพศ มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังวัยหมดประจำเดือน
           5.รูปร่าง มักพบในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน หรือคนอ้วนมากกว่าคนผอม
           6.เชื้อชาติ มักพบในคนอเมริกัน เชื้อสายแอฟริกา หรือกลุ่มผิวสี
           7.พฤติกรรมการกิน ผู้ที่ชอบทานเค็ม ทานเกลือ มักมีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนปกติ

       การรักษาโรคความดันโลหิตสูง
       การรักษาโรคความดันโลหิตสูงสามารถทำได้ 2 วิธี คือ การใช้ยา และไม่ใช้ยา โดยในผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง ที่เริ่มรู้ตัวว่าเป็น แพทย์จะสามารถรักษา โรคความดันโลหิตสูง ได้ โดยป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน แต่ผู้ที่มีโรคแทรกซ้อนร่วมด้วย แพทย์จะต้องให้ยา และพยายามควบคุมระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ

   ผลิตภัณฑ์ การ์รีคก้า (GARRICCA) ผลิตจากกระเทียมแท้ๆ สามารถป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้ผลดี

วิธีรับประทาน ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้งหลังอาหาร
เลขที่ อ.ย. 13-1-02950-1-0035

สั่งซื้อสินค้าคลิกที่นี้

         ดูข้อมูลที่     http://buahealthcare.myreadyweb.com/

         ขนาดและราคา   1 ขวด 60 แคปซูล ราคา 320 บาท

                          บริการส่งฟรีทั่วประเทศไม่คิดค่าส่ง
         สั่งซื้อที่     คุณ สายบัว   บุญหมื่น
                    ID Line :  bua300908  

                    โทร. 088 415 3926

                    อีเมล์  sboonmuen@gmail.com

      ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่    http://garriccasaibua.blogspot.com  

โรคหวัด และการ์รีคก้า (GARRICCA)


การ์ริคก้า (GARRICCA) ป้องกันโรคหวัดได้อย่างไร
         ไข้หวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่รวมเรียกว่า Coryza viruses ประกอบด้วย Rhino-viruses เป็นสำคัญ โดยการติดเชื้อไวรัสที่ทางเดินหายใจส่วนบน เมื่อเชื้อไวรัสเข้าสู่จมูก และคอ จะทำให้เยื่อบุจมูกบวมแดง และมีการหลั่งสารหลั่งที่เป็นเมือกออกมา แม้ว่าโรคจะหายเองใน 1 สัปดาห์ แต่เป็นโรคที่นำผู้ป่วยไปพบแพทย์มากที่สุด โดยเฉลี่ยเด็กจะเป็นไข้หวัดปีละ 6-12 ครั้งต่อปี ผู้ใหญ่อาจจะเป็น 2-4 ครั้งต่อปี ผู้หญิงจะเป็นบ่อยเนื่องจากใกล้ชิดกับเด็กมากกว่า คนสูงอายุจะเป็นปีละครั้ง
 
    อาการของไข้หวัด
    ผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อหวัดจะมีอาการจาม น้ำมูกไหลมาก่อน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะเล็กน้อย แต่มักจะไม่ค่อยมีไข้ เชื้อจะออกจากทางเดินหายใจของผู้ป่วย 2-3 ชั่วโมง และหมดภายใน 2 สัปดาห์ บางรายมีอาการปวดหู เยื่อแก้วหูมีเลือดคั่ง บางรายมีเยื่อบุตาอักเสบ เจ็บคอกลืนลำบาก โรคมักเป็นไม่เกิน 2-5 วัน แต่อาจจะมีน้ำมูกไหลนานถึง 2 สัปดาห์ ในเด็กอาจจะรุนแรง และมักจะกลายเป็นหลอดลมอักเสบ และปอดบวม

ไข้หวัดการติดต่อโรคกันได้อย่างไร
ไข้หวัดมักจะระบาดในฤดูหนาว เนื่องจากความชื้นต่ำ และอากาศเย็น
   1.คนปกติสามารถติดโรคจากน้ำลาย เสมหะของผู้ป่วยที่ปลิวมากับจามหรือไอผ่านทางลมหายใจ
   2.เชื้อยังสามารถผ่านทางปากจากมือที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
   3.ผู้ป่วยสามารถแพร่กระจายเชื้อได้ 1-2 วันก่อนที่จะเกิดอาการ และ 1-2 วันหลังเกิดอาการ
   4.ผู้ที่ติดหวัดได้ง่ายคือเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี เด็กที่ขาดอาหาร เด็กในสถานรับเลี้ยงเด็ก


การติดต่อโรคไข้หวัดได้กี่วิธี
1. มือของเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่สัมผัสเชื้อจากเสมหะของผู้ป่วย หรือสิ่งแวดล้อม แล้วขยี้ตา หรือนำเข้าทางปาก
2. หายใจเอาเชื้อที่ผู้ป่วยไอออกมา
3. หายใจเอาเชื้อที่กระจายอยู่ในอากาศ


ป้องกันการติดต่อโรคไข้หวัดได้อย่างไร
      การป้องกันการติดเชื้อหวัดสามารถทำได้ยาก และยังไม่มีวัคซีนที่ป้องกันโรคหวัดได้ ดังนั้นการดูแลสุขภาพตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดย....
  1.หลีกเลี่ยงแหล่งชุมชน เช่นโรงภาพยนตร์ ภัตราคาร ในช่วงระบาด
  2.ไอหรือจามใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษปิดปากและจมูก
  3.ให้ล้างมือบ่อยๆ
 4.ไม่เอามือเข้าปาก หรือขยี้ตาเพราะอาจจะนำเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้
 5.อย่าอยู่ใกล้ชิดผู้ที่ป่วยเป็นเวลานาน


     อากาศหนาวจะทำให้เป็นไข้หวัดหรือไม่
      จากการศึกษาพบว่า อากาศหนาว การออกกำลังกาย จะทำให้เกิดไข้หวัด หรือทำให้หวัดเป็นมากขึ้น แแต่ ความเครียด และโรคภูมิแพ้ทำให้เกิดโรคหวัด
     ผลิตภัณฑ์ การ์รีคก้า (GARRICCA) ผลิตจากกระเทียมแท้ๆ สามารถป้องกันโรคไข้หวัดได้ผลดี


วิธีรับประทาน ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้งหลังอาหาร
เลขที่ อ.ย. 13-1-02950-1-0035

สั่งสินค้าคลิกที่นี้

         ดูข้อมูลที่     http://buahealthcare.myreadyweb.com/

         ขนาดและราคา   1 ขวด 60 แคปซูล ราคา 320 บาท

                          บริการส่งฟรีทั่วประเทศไม่คิดค่าส่ง
         สั่งซื้อที่     คุณ สายบัว  บุญหมื่น
                    ID Line : bua300908
 
                    โทร. 088 415 3926

                    อีเมล์  sboonmuen@gmail.com

     ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่      http://garriccasaibua.blogspot.com  

โรคหัวใจ กระเทียม และการ์รีคก้า (GARRICCA)

กระเทียม ใน การ์รีคก้า (GARRICCA) ลดระดับคอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือด โรคหัวใจ


           กระเทียม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Allium sativum Linn. และมีชื่อสามัญ คือ การ์รีค (GARRIC) จัดอยู่ในวงศ์ AMARYLLIDACEAE และอยู่ในวงศ์ย่อย ALLIOIDEAE เช่นเดียวกับกุยช่าย พลับพลึงขาว พลับพลึงแดง พลับพลึงตีนเป็ด ว่านสี่ทิศ หอมแดง และหอมใหญ่ ในประเทศไทยนิยมปลูกมากทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่กระเทียมที่ขึ้นชื่อที่มีคุณภาพดี กลิ่นฉุนคงหนีไม่พ้นจังหวัดศรีษะเกษ
 
สรรพคุณของกระเทียม

1. ประโยชน์ของกระเทียม ช่วยบำรุงผิวหนังให้มีสุขภาพดีและแข็งแรง
2. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย
3. ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
4. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
5. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือด
6. ประโยชน์กระเทียม ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย
7. ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ อาการมึนงง ปวดศีรษะ หูอื้อ
8. ช่วยในเรื่องระบบสืบพันธุ์และระบบทางเดินปัสสาวะ เพราะมีสารที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนทั้งหญิงและชาย ช่วยทำให้มดลูกบีบตัว เพิ่มพละกำลังให้มีเรี่ยวแรง
9. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต
10. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
11. ช่วยต่อต้านเนื้องอก
12. กระเทียม ประโยชน์ช่วยแก้ปัญหาผมบาง ยาวช้า มีสีเทา
13. ช่วยป้องกันการเกิดและรักษาโรคโลหิตจาง
14. ช่วยในการขับพิษ และสารพิษอันตรายที่ปนเปื้อนในเม็ดเลือด
15. ช่วยป้องกันผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว
16. สารสกัดน้ำมันกระเทียม มีสารที่มีส่วนช่วยในการละลายลิ่มเลือด
17. ช่วยป้องกันการเกิดเส้นเลือดอุดตัน
18. มีสารต่อต้านไม่ให้เม็ดเลือดแดงแตก
19. ช่วยบรรเทาอาการไอ น้ำมูกไหล ป้องกันหวัด
20. ช่วยรักษาโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
21. ช่วยรักษาอาการเยื่อบุจมูกอักเสบ และไซนัส
22. ช่วยรักษาโรคไอกรน
23. สรรพคุณ กระเทียมช่วยแก้อาการหอบ หืด
24. ช่วยรักษาโรคหลอดลม
25. ช่วยระงับกลิ่นปาก
26. ช่วยในการขับเหงื่อ
27. สรรพคุณของกระเทียมช่วยในการขับเสมหะ
28. ช่วยควบคุมโรคกระเพาะ ด้วยสารที่ช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำย่อยอาหารมาย่อยแผลในกระเพาะ
29. มีสรรพคุณช่วยในการขับลม
30. ช่วยรักษาอาการจุกเสียดแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ
31. ช่วยป้องกันโรคท้องผูก
32. ช่วยรักษาโรคบิด
33. กระเทียบ สรรพคุณช่วยในการขับปัสสาวะ
34. ช่วยในการขับพยาธิได้หลายชนิด เช่น พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้าย พยาธิเข็มหมุด พยาธิไส้เดือน เป็นต้น
35. ช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบชนิดรุนแรงได้
36. ช่วยป้องกันการเกิดโรคไต
37. ช่วยฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียต่างๆ รวมถึงเชื้อราตามหนังศีรษะและบริเวณเล็บ
38. ช่วยยับยั้งเชื้อต่างๆ เช่น เชื้อที่ทำให้เกิดฝีหนอง คออักเสบ เชื้อปอดบวม เชื้อวัณโรค เป็นต้น
39. ช่วยกำจัดพิษจากสารตะกั่ว
40. ช่วยรักษากลาก เกลื้อน
41. ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อเยื่อ บำรุงข้อต่อและกระดูกในร่างกาย
42. บรรเทาอาการปวดข้อและปวดเมื่อยตามร่างกาย
43. ช่วยแก้อาการเคล็ดขัดยอกและเท้าแพลง เพราะมีสารที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมายังบริเวณที่นวดยาได้ดีมากขึ้นนั่นเอง
44. มีสารต้านอาการไขข้ออักเสบ โรคข้อรูมาติสม์
45. กระเทียมมีกลิ่นฉุนจึงสามารถช่วยไล่ยุงได้เป็นอย่างดี
46. ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย เพิ่มความยากอาหาร


 ประโยชน์ของกระเทียม
1. ประโยชน์หลักๆ ของกระเทียมคงหนีไม่พ้นการนำมาใช้เพื่อช่วยปรุงรสชาติของอาหาร ไม่ว่าจะใช้ผัด แกง ทอด ยำ ต้มยำ หรือน้ำพริกต่างๆ อีกสารพัด
2. กระเทียมเป็นเครื่องสมุนไพรที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด และยังเป็นพืชที่ธาตุซีลีเนียมสูงกว่าพืชชนิดอื่นๆ อีกทั้งยังมีสารอะดิโนซีน (Adenosine) ซึ่งเป็นกรดนิวคลีอิกที่เป็นตัวสร้าง DNA และ RNA ของเซลล์ในร่างกาย
3.  กระเทียมนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างหลากหลาย เช่น กระเทียมเสริมอาหาร กระเทียมสกัดผง สารสกัดน้ำมันกระเทียม กระเทียมดอง เป็นต้น


คุณค่าทางโภชนาการของกระเทียมดิบ ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 149 กิโลแคลอรี่
คาร์โบไฮเดรต 33.06 กรัม
น้ำตาล 1 กรัม
เส้นใยอาหาร 2.1 กรัม
ไขมัน 0.5 กรัม
โปรตีน 6.36 กรัม
วิตามินบี1 0.2 มิลลิกรัม 17%
วิตามินบี2 0.11 มิลลิกรัม 9%
วิตามินบี3 0.7 มิลลิกรัม 5%
วิตามินบี5 0.596 มิลลิกรัม 12%
วิตามินบี6 1.235 มิลลิกรัม 95%
วิตามินบี9 3 ไมโครกรัม 1%
วิตามินซี 31.2 มิลลิกรัม 38%
ธาตุแคลเซียม 181 มิลลิกรัม 18%
ธาตุเหล็ก 1.7 มิลลิกรัม 13%
ธาตุแมกนีเซียม 25 มิลลิกรัม 7%
ธาตุแมงกานีส 1.672 มิลลิกรัม 80%
ธาตุฟอสฟอรัส 153 มิลลิกรัม 22%
ธาตุโพแทสเซียม 401 มิลลิกรัม 9%
ธาตุสังกะสี 1.16 มิลลิกรัม 12%
ธาตุซีลีเนียม 14.2 ไมโครกรัม

วิธีรับประทาน ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้งหลังอาหาร
เลขที่ อ.ย. 13-1-02950-1-0035

สั่งสินค้าคลิกที่นี้

         ดูข้อมูลที่    http://buahealthcare.myreadyweb.com/

         ขนาดและราคา   1 ขวด 60 แคปซูล ราคา 320 บาท

                          บริการส่งฟรีทั่วประเทศไม่คิดค่าส่ง
         สั่งซื้อที่     คุณ สายบัว  บุญหมื่น
                    ID Line : bua300908

                    โทร. 088 415 3926

                    อีเมล์  sboonmuen@gmail.com

     ดูข้อมูลเพิมเติมที่     http://garriccasaibua.blogspot.com 

โรคหัวใจ โรคหวัด โรคมะเร็ง กระเทียม และการ์รีคก้า (GARRICCA)


กระเทียมสามารถป้องกันโรคได้อย่างความมหัศจรรย์ ทั้งโรคหัวใจ  โรคหวัด และโรคมะเร็ง


         กระเทียมถูกนำมาใช้ในการป้องกันโรคหลายอย่างด้วยกัน ช่วยลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิตสูง และส่งเสริมให้ระบบภุมิคุ้มกันให้ดีขึ้น
          อนุมูลอิสระ (free radicals) มีบทบาทสำคัญต่อการทำให้คน "แก่" เร็วขึ้น รวมถึงการทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้มากมาย โรคหัวใจ และมะเร็ง และกระเทียมมีสารที่ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ที่ป้องกันการทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ (cell membranes) และ DNA จากอนุมูลอิสระ
กระเทียมสามารถป้องกันโรคที่สำคัญและเป็นปัญหาหลักทางสาธารณสุขได้ถึง 3  โรค คือ
   1. โรคหัวใจ (Heart disease)


          ผลการศึกษาที่ผ่านมา มีหลักฐานบางอย่างสนับสนุนว่า กระเทียมอาจป้องกันไม่เกิดโรคหัวใจได้ โดยอาจลดการเกิดเส้นเลือดแข็ง (artherosclerosis) และสามารถลดระดับความดันลงได้เล็กน้อย (ระหว่าง 7% ถึง 8%) และการรับประทานกระเทียมวันละ  900 มิลลิกรัมทุกวัน สามารถลดการเกิดเส้นเลือดแข็งลงได้ ซึ่งกระเทียมยังเป็นสารต้านการจับตัวเป็นก้อนของเลือด ด้วยการทำให้เกล็ดเลือดบางลง ซึ่งอาจป้องกันไม่เกิดภาวะหัวใจขาดเลือด (heart attack) หรือ สมองขาดเลือด (stroke) แต่กระเทียมไม่ผลต่อการลดลดระดับของคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้

    2. โรคหวัด (Common cold)



          จากผลการศึกษาในระยะแรก พบว่า กระเทียมสามารถช่วยป้องกันโรคหวัด (common cold) ได้ โดยมีการศึกษาเปรียบเทียบการใช้กระเทียม ในระยะที่มีโรคหวัดระบาด (common cold) ผลปรากฏว่า คนที่รับประทานกระเทียมจะเป็นโรคหวัดได้น้อยกว่าคนที่ไม่รับประทานกระเทียมเลย นอกจากนั้น ในระหว่างเป็นหวัด กระทียมสามารถทำให้อาการของหวัดหายเร็วด้วย
 
    3. โรคมะเร็ง (Cancer)


          กระเทียมอาจเสริมให้ระบบภูมิต้านทานให้แข็งแรงขึ้น สามารถช่วยร่างกายให้ต่อสู้กับโรคมะเร็งได้ โดยผลจากห้องทดลองดูเหมือนว่า กระเทียมมีฤทธิ์ในการต่อต้านมะเร็ง

          ผลจากการศึกษาในกลุ่มชนเป็นระยะเวลานาน พบว่า กลุ่มคนที่รับประทานกระเทียมสด หรือกระเทียมที่ปรุงในอาหาร ทำให้มีแนวโน้มที่จะไม่เกิดเป็นมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งของลำไส้ใหญ่ (colon) และมะเร็งกระเพาะ (CA stomach)

          ผลจากการศึกษา (จำนวน 7 ชิ้น) พบว่า คนที่กินกระเทียมสด หรือกระเทียมปรุงแล้ว สามารถลดการเกิดมะเร็งในลำไส้ใหญ่และทวารหนักได้ถึง 30%


วิธีรับประทาน ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้งหลังอาหาร
เลขที่ อ.ย. 13-1-02950-1-0035

สั่งสินค้าคลิกที่นี้

         ดูข้อมูลที่    http://buahealthcare.myreadyweb.com/ 

         ขนาดและราคา   1 ขวด 60 แคปซูล ราคา 320 บาท
                          บริการส่งฟรีทั่วประเทศไม่คิดค่าส่ง
         สั่งซื้อที่     คุณ สายบัว  บุญหมื่น
                    ID Line : bua300908  

                    โทร. 088 415 3926

                    อีเมล์  sboonmuen@gmail.com

      ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่    http://garriccasaibua.blogspot.com